วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

แหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์

แหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ท้องฟ้าจำลองพระราชานุสรณ์พระจอมเกล้า  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา




ประวัติความเป็นมา

          สถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณ
ประจำปี 2540 จำนวน 40 ล้านบาท เศษ ให้ดำเนินการ ก่อสร้างอาคารท้องฟ้าจำลอง พร้อมเครื่อง
ฉายดาว แต่เนื่องด้วยพิษของฟองสบู่เศรษฐกิจแตก การก่อสร้างได้ยืดเยื้อมาถึงเดือน กรกฏาคม
พ.ศ. 2542 สถาบันจึงรับมอบงานได้
        ท้องฟ้าจำลองราชภัฏ (ชื่อที่จารึกลงในแผ่นศิลาฤกษ์ ) นับได้ว่าเป็นท้องฟ้าจำลองแห่งที่ 2
ของประเทศไทยรองจากท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ฯ การที่ท้องฟ้าจำลองแห่งนี้ได้รับอนุมัติให้ก่อสร้าง
ได้ ส่วนหนึ่งคงเป็นผลสืบเนื่องจากโครงการ พัฒนาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ในสถาบันราชภัฏทั่วประเทศทั้ง 36 แห่ง โครงการนี้กำหนดไว้ระหว่างปีงบประมาณ 2536-2544
โดยจัดตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขึ้น

วัตถุประสงค์

        ในสถาบันราชภัฏ มุ่งหวังที่จะพัฒนาการเรียนการสอน ส่งเสริมสนันสนุนงานวิจัยของนักศึกษา
อาจารย์ของสถาบัน พร้อม ๆ กับการพัฒนาปรับปรุง และเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ที่เหมาะสมกับท้องถิ่น

รายละเอียดที่ตั้ง

        ท้องฟ้าจำลองพระราชานุสรณ์พระจอมเกล้าฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
96 ถนนปรีดีพนมยงค์ ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา 13000 โทร.
0-3532-2076-9 ต่อ 5011 โทรสาร. 0-3524-5888

เรื่องที่จัดแสดง

 
               เรื่อง                เดือน
           การดูดาวเบื้องต้น            มกราคม - กุมภาพันธ์
           ปรากฏการณท้องฟ้า            มีนาคม - เมษายน
           ระบบสุริยะ            พฤษภาคม - มิถุนายน
           นิทานดาว            กรกฎาคม - สิงหาคม
           ศึกษากลุ่มดาวตามจักราศี            กันยายน - ตุลาคม
           กลุ่มดาวหน้าหนาว            พฤศจิกายน - ธันวาคม


อุปกรณ์และเครื่องมือ

เครื่องฉายดาว
1.       สามารถควบคุมการทำงานของเครื่องฉายหลัก (Main Projector) ได้ทั้งแบบอัตโนมัติด้วยคอมพิวเตอร์
และความคุมแบบธรรมดา (Manual) ซึ่งแบบอัตโนมัติจะควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์โดยสมบูรณ์เรียลไทม์
(Real Time) สั่งงานด้วยแป้นพิมพ์ เม้าส์ หรือจอแสดงผลแบบสัมผัส โดยจอแสดงผลจะต้องสามารแสดง
ข้อมูลของเครื่องฉายแต่ละเครื่อง โดยผู้ควบคุมสามารถควบคุมการฉายดาวได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องละลาย
จากจอแสดงผล
2.       สามารถฉายดาวฤกษ์ได้ไม่น้อยกว่า 3,900 ดวง และให้แสงสว่างไม่ต่ำกว่า 5.75 และสามารถปรับ
ความสว่างของดาวฤกษ์ที่สว่างมาก ๆ ได้ 

จอฉายดาว
  1. เป็นจอฉายดาวครึ่งวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า 28 ฟุต หรือ 8.4  เมตร
  2. พื้นผิวจอและโครงสร้างทำด้วยโลหะ
  3. สามารถติดตั้งเก้าอี้สำหรับผู้เข้าชมได้ 50 ตัว


เครื่องฉายดาว Ziess ZKP-3 ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์
ติดตั้งบนฐานไฮดรอลิค ปรับสูงต่ำได้ ระบบเสียงไฮไฟรอบทิศ เก้าอี้ปรับเอนได้ 50 ที่นั่ง

วันเวลาที่จัดแสดง

                                                                เปิดแสดงวันละ 2 รอบ                        
                                                เวลา 11.00 – 11.45 น.               
                                                เวลา 14.00 – 14.45 น.                                  
                                      หยุดเฉพาะวันจันทร์และวันนักขัตฤกษ์
                                 หมายเหตุ สำหรับเข้าชมเป็นหมู่คณะตั้งแต่  30 คนขึ้นไปสามารถจองรอบพิเศษได้

ภาพบรรยากาศภายใน








สิ่งที่ได้รับจากการชมนิทรรศการ

         หลังจากที่ได้ไปชมท้องฟ้าจำลอง  ทำให้ได้รับความรู้มากมายที่เกี่ยวกับเรื่องราวของดาว
ดาราศาสตร์  ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเรา เช่น ทางด้านโหราศาสตร์ ต้องใช้
ดวงดาวเป็นเกณฑ์ในการทำนาย  นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่เราไม่สามารถสัมผัสได้ เช่น
อวกาศ หรือ ดวงดาว  นิทรรศการภายนอกห้องดูดาวยังมีความรู้เกี่ยวกับดวงดาวต่างๆ ปรากฏการณ์ต่างๆ

การนำไปใช้ในการเรียนการสอน
  
         เนื้อหาเรื่อง ดวงดาว  ดาราศาสตร์  และอวกาศ  อยู่ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  สามารถใช้สอนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษา  รวมถึงในระดับมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังสามารถสอนเด็กได้เกี่ยวกับความรู้รอบตัว เช่น การกำเนิดโลก ดาวเคราะห์  และปรากฏการณ์ต่างๆ ที่มาตำนานของดาวสามารถนำไปเล่าเป็นนิทานให้กับเด็กในระดับชั้นอนุบาลฟังได้

หลักฐานภาพถ่าย

ข้อเสนอแนะ

ควรมีการเพิ่มรอบในการแสดง ให้จากวันละ 2 รอบ เป็น วันละ 4-5 รอบ

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สื่อการสอนในโรงเรียน

สังเกตการใช้สื่อในการเรียนการสอน

วิชาชีววิทยา

โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา


ประวัติโรงเรียน

          โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา  เดิมชื่อ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
ถือกำเนิดขึ้น ตามแผนการศึกษาชาติพุทธศักราช 2479 ซึ่งแบ่งการศึกษาออกเป็น 2สาย คือ
สายสามัญศึกษา และสายอาชีวศึกษาและกำหนดให้ผู้ประสงค์จะเข้าเรียนในชั้นอุดมศึกษาต้อง
เรียนชั้นเตรียมอุดมศึกษาก่อนเป็นเวลา 2 ปี
                         ดังนั้นสภามหาวิทยาลัยจึงได้ลงมติให้จัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ
                 มหาวิทยาลัย  มื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2480  และอนุญาตให้ใช้ “พระเกี้ยว” เป็นสัญลักษณ์
                 ประจำโรงเรียน     โดยใช้สถานที่ของโรงเรียนมัธยมหอวัง ถนนพญาไท เป็นที่ตั้ง  และแต่งตั้ง
                ให้  ฯพณฯ ศ.ม.ล.ปิ่น  มาลากุล  เป็นผู้อำนวยการคนแรก เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2480  เปิดเรียนวันแรก
                เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2481  และนักเรียนเริ่มเรียนตามตารางสอน เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม
                พ.ศ. 2481 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ตั้งอยู่เลขที่ 227 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน
            กรุงเทพมหานคร

                  













สื่อการเรียนการสอนที่ใช้ในโรงเรียน



หนังสือเล่มเป็นหนังสือที่นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาต้องใช้ในการเรียน

การสอนในรายวิชา  ชีววิทยา เป็นหนังสือที่โรงเรียนจัดทำขึ้นเอง  โดยอ้างอิง

กรอบจากหนังสือของ สสวท. ซึ่งรายละเอียดเนื้อหาในหนังสือจะเจาะลึกใน

ประเด็นต่างๆ มากกว่าหนังสือโดยทั่วไป  เพื่อให้เด็กนักเรียนไว้ใช้ในการสอบ

แข่งขันในระดับต่างๆ

สื่อการเรียนการสอนทั่วไป

ปกติอาจารย์จะเลือกใช้สื่อในการเรียนการสอนแตกต่างกันออกไป  แล้วแต่เนื้อหา

ที่เรียนในเรื่องนั้นๆ  วันที่ไปสังเกตการสอนอาจารย์ได้ใช้สื่อในการสอน คือ

POWER POINT  สอนเรื่องการจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต หรืออนุกรมวิธาน  พร้อม

กับหนังสือเรียนเล่มดังกล่าวข้างต้น  อาจารย์อธิบายให้ฟังว่า  ธรรมชาติของเด็กที่นี่

จะชอบการฟังบรรยายจากอาจารย์ผู้สอนหน้าห้อง  แล้วจดเนื้อหาตามอาจารย์บอก

เด็กจะไม่ชอบทำงานเป็นกลุ่ม  ไม่ชอบทำกิจกรรมระหว่างเรียน  สื่อการเรียนการสอน

นอกเหนือจากนี้ก็จะมีการเรียนรู้จากของจริง  เช่น การนำของจริงมาให้ดู  การให้เด็กไป

เยี่ยมชมพิพิธพันธ์ต่างๆ เช่น Siam Ocean World  หรือมีการทำกิจกรรมกลุ่มบ้างตาม

ความเหมาะสมของเวลา

                         



ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนของนักเรียนโดยใช้สื่อ  POWER POINT

1.  นักเรียนได้รับความรู้เนื้อหาจากการบรรยายอย่างเต็มที่
2.  ประหยัดเวลาในการสอนของอาจารย์ผู้สอน  เนื้อจากเนื้อหามีมาก
3.  นักเรียนให้ความสนใจ  เนื่องจากสไลด์ของอาจารย์ค่อนข้างดึงดูด

ข้อเสียของการใช้สื่อ  POWER POINT

1.  นักเรียนไม่มีส่วนร่วมในการเรียนการสอน
2.  นักเรียนที่นั่งอยู่หลังห้องค่อนข้างลำบาก  เพราะถูกบังจากเพื่อนข้างหน้า
3.  นักเรียนบางคนไม่ค่อยสนใจฟังอาจารย์  เพราะห่วงจดเนื้อหาในสื่อ




ขอขอบคุณคณะอาจารย์หมวดวิทยาศาสตร์  โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา

เป็นอย่างมากที่ให้พวกเราได้เข้าร่วมการใช้สื่อในการเรียนการสอน

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สื่อนวัตกรรมทางการศึกษา


สื่อ นวัตกรรมทางการศึกษา

" GENIUS DESK  "


   


Introducing the Genius Desk.

Imagine students without textbooks or homework.
Imagine a quantum leap in progress of their learning process.
This is it. It is your dream.

Unobtrusive Computing In The Classroom
Curriculum Integrates Computer Based Instruction
Students Develop & Practice Technical. Skills
Teacher Observes & Controls From Master Console
Parents are Confident their Children are Receiving First Rate Education



Integrated Unit

Touch Screen Input
NO input peripherals needed
Media Access Through Master System
No student induced viruses
Wireless Networking
No cables, except power from desk to desk
Increased reliability


Applications

Integrated Curriculum
Computer as Classroom Tool
Not the toy
Research In Classroom
Automated Testing
Computer Based Testing (CBT)



Special Needs Applications

Deaf and Near Deaf
Classroom closed captioning
Real-Time voice recognition and transcription
Vision Impaired
Smart books
Text reader programs
Text scaling
Physically Impaired
Special interfaces and outputs







ที่มา   http://www.geniusdesk.com/patentinfo.htm

แนะนำเคาร์เตอร์  GENIUS 

นักเรียนไม่ต้องมีตำราเรียนหรือหนังสือเรียนและการบ้าน นักเรียนมีความคืบหน้าของกระบวนการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา  โต๊ะคอมพิวเตอร์อัจฉริยะจะไม่สร้างความรำคาญในห้องเรียน  เต็มไปด้วยหลักสูตรรวมบทเรียนอยู่ในคอมพิวเตอร์ที่ใช้  นักเรียนสามารถพัฒนาและฝึกเทคนิค ทักษะทางกระบวนการเรียนรู้ ครูสามารถสังเกตการณ์และควบคุมการเรียนการสอนจากคอมพิวเตอร์ควบคุม

การประยุกต์ใช้งาน

มีการใช้หลักสูตรแบบบูรณาการ
คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ในห้องเรียน
การวิจัยในชั้นเรียน
ทดสอบอัตโนมัติ
คอมพิวเตอร์ที่ใช้ทดสอบ (CBT)

หน่วยบูรณาการ


หน้าจอสัมผัส
ไม่จำเป็นต้องใส่อุปกรณ์ต่อพ่วง
เข้าถึงสื่อผ่านระบบต้นแบบ
นักเรียนไม่มีชักนำไวรัสลงสู่เครื่องคอมพิวเตอร์
ใช้เครือข่ายไร้สาย
ไม่มีสายเกะกะ   ยกเว้นสายไฟที่ต่อจากปลั๊กไฟไปที่โต๊ะ


การประยุกต์ใช้ความต้องการพิเศษ

คนหูหนวกและคนตาบอดสามารถเรียนรู้ผ่านโต๊ะอัจฉริยะได้
โดยการรับรู้เสียงแบบ Real-Time และถอดความ

พิการทางการมองเห็น

ห้องเรียนปิด captioning

หนังสือสมาร์ท


โปรแกรมอ่านข้อความ  ปรับข้อความ  ที่มีความบกพร่องทางกาย


ความคิดเห็นส่วนในการใช้โต๊ะอัจฉริยะกับการเรียนการสอน

โต๊ะอัจฉริยะสามารถทำให้การเรียนรู้ในห้องเรียนเรียนรู้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด แต่ก็ควร

ให้มีการบ้านหรือหนังสือเรียนควบคู่ไปด้วยสำหรับนำกลับไปทบทวนที่บ้าน ถ้าในประเทศ

ไทยสามารถนำมาใช้ในการเรียนการสอนได้นั้นก็เป็นสิ่งที่ดี  แต่จะต้องสอนวิธีการใช้ที่

ถูกต้อง ใช้ไปในทางที่ถูก เช่น  การใช้เพื่อค้นคว้าหาข้อมูล  ไม่ใช่เล่นเกมส์หรือทำ

อย่างอื่นที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ 


วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

รวบ!! เฒ่าอิตาลีถ่ายหนังโป๊แพร่เว็บลามก





ตม.รวบเฒ่าอิตาเลียนถ่ายหนังเอ็กซ์แพร่ในเว็บ พร้อมยึดอุปกรณ์
ถ่ายภาพยนต์ คอมพิวเตอร์ คาบ้านพักย่านบางคอแหลม
       กรุงเทพฯ – วานนี้ (26 เม.ย. 55) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ สำนักงานตรวจคนเข้า
เมือง (สตม.) พล.ต.ต.วรินทร์ บุณยเกียรติ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี
ผบก.สส.สตม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สส.สตม. แถลงผลจับกุม นายมาร์โค
ลัซซาลินิ (Mr.marco lazzarini) อายุ 58 ปี   สัญชาติอิตาลี พร้อมของกลางอุปกรณ์
การถ่ายทำภาพยนตร์ลามก เครื่องมือประกอบสื่อลามก และคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง
โดยจับกุมได้ที่บ้าน เลขที่ 1194  ซ.สาธุประดิษฐ์ 20 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม
กรุงเทพมหานคร
      พล.ต.ต.วรินทร์ เปิดเผยว่าสั่งการให้ พ.ต.อ.ชยวุฒิ จันทร์สมบูรณ์ ผกก.1 สส.สตม.
จัดชุดปฏิบัติการ ดำเนินการสืบสวนกรณีชาวต่างชาติเปิดเว็ปไซต์ลามกอนาจาร ชื่อ
เพอร์เวอร์เอ็กซ์ดอทคอม ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชมเว็บได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
โดยเว็บไซต์ดังกล่าวมีการเปิดรับสมาชิก แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายผ่านทางบัตรเครดิต
ในการรับชมและดาวน์โหลด มีนายมาร์โคเป็นผู้จดทะเบียนเว็บไซต์ โดยใช้บ้านหลัง
ดังกล่าวเป็นสถานที่ตัดต่อภาพลามกและทำเว็บไซต์จึงได้รวบรวมหลักฐานเพื่อขอ
หมายค้นต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจ
ค้นพบเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมเครื่องมือประกอบการถ่ายทำภาพยนตร์ลามก และ
อุปกรณ์ในการเผยแพร่สื่อลามก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการยึดไว้ตรวจสอบ
      จากการสอบสวนนายมาร์โค พบว่า เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมาแล้ว 4 ครั้ง
ในฐานะนักท่องเที่ยว มีภรรยาเป็นชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งใช้สถานที่ในประเทศไทย-ประเทศ
ฟิลิปปินส์เป็นฐานหลักในการผลิตภาพยนตร์ลามก โดยนายมาร์โค อ้างว่า ตนเองไม่ได้
ผลิตภาพยนตร์ลามกในประเทศไทย แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากเป็นคน
ต่างด้าวที่มีพฤติกรรมขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของประเทศไทย เบื้องต้นได้ตั้งข้อหา
พรบ.คอมพิวเตอร์ โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้ง
ปรับ  พร้อมดำเนินการเพิกถอนวีซ่าของผู้ต้องหา และจะสืบขยายผลหาเครือข่ายต่อไป

ที่มา :   http://www.pattayadailynews.com/th/2012/04/27/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A-%E0%B9%80%E0%B8%92%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%96%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87/

มาตราการกระทำผิด :  มาตรา 14 ผู้ที่นำข้อมูลที่ไม่เหมาะสมเข้าไปในระบบ
คอมพิวเตอร์ซึ่งคนอื่นสามารถเข้าไปดูข้อมูลนั้นได้ เช่น ข้อมูลอันเป็นเท็จที่ส่งผล
กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน หรือ
ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ข้อมูลลามกอนาจาร
หรือผู้ที่เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นทางเครื่องคอมพิวเตอร์ พีดีเอ
โทรศัพท์มือถือ หรือระบบคอมพิวเตอร์อื่น ๆ

บทลงโทษ :  จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

วิธีการป้องกัน :  การป้องกันไม่ให้ผิดพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์มาตรา 14  คือ
ใช้วิจารณญาณในการแสดงความคิดเห็นก่อนที่จะโพสต์  และก่อนที่จะโพสต์ข้อความ
ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องลามกอนาจารควรคำนึงถึงผลที่จะตามมา และบทลงโทษที่จะ
เกิดขึ้น ทั้งโดยต่อตนเอง ต่อผู้อื่นและต่อสังคม.

                                                                                                                         จบข่าว!!